วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มาคอร์ ...........นกซึ่งธรรมชาติหันหลังให้

มาคอร์ ...........นกซึ่งธรรมชาติหันหลังให้


ไม่ ผิดหรอกค่ะ สายลมฯ จะไปดูนกให้ชัด ๆ จะ ๆ กันอีกซักที ก็ไม่ใช่นกที่ไหนหรอกค่ะ อย่าคิดไปไกลไม่ใช่นกในธรรมชาติหรอกค่ะ เพราะสายลมฯ ไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะเฝ้าชม เฝ้ามอง และเฝ้าดู.....
ดัง นั้นแน่นอนที่สุด ฟาร์มจรเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการมีให้เราดูค่ะ เขาทำเป็นสวนนกขนาดย่อม ๆ เพื่อให้คนเข้าไปให้อาหารนกและคลุกคลีกับนกได้อย่างใกล้ชิด ถ้าไม่กลัวเป็นไข้หวัดนกอ่ะนะค่ะ

นก ในสวนนกของฟาร์มจรเข้สมุทรปราการนั้นส่วนใหญ่เป็นนกในตระกูลนกแก้วค่ะ และถึงแม้นจะไม่ได้ไปดูนกในธรรมชาติ แต่พอกลับมาสายลมฯ ก็เกิดอยากมีความรู้เกี่ยวกับนกพวกนี้ให้มากกว่านี้พอที่จะโม้ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังได้บ้าง แน่นอนที่สุดค่ะ พี่กู ช่วยท่านได้ สายลมฯ จึงได้เปิดคอมฯ เสริทหาใน กูเกิ้ล แต่โดยไว และก็ได้พบกับข่าวที่น่าเผยแพร่นี้ค่ะ
มันคือการคืนนกแก้วมาร์คอร์ที่ได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้วสู่บ้านเกิดค่ะ
ท่ามกลางกระแสสังคมบริโภคนิยมที่คนส่วนใหญ่มีค่านิยมผิดๆที่ชอบเลี้ยงนกหายากไว้เป็นสัตว์เลี้ยงประดับบารมีนั้น ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ทุ่มเทความพยายามนำนกเลี้ยงที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ คืนกลับสู่ธรรมชาติหรือคืนสู่โครงการเพื่อฟื้นฟู ชนิดพันธุ์ของมัน ในธรรมชาติ
นกแก้วมาคอร์ ชนิด Spix's Macaw เป็นนกแก้วขนาดใหญ่มากของบราซิล สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติ โดยไม่พบเลยมานานกว่า 15 ปีแล้ว แต่พบว่ามีการลักลอบเลี้ยงในบ้านเอกชนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์นกแก้ว เพื่อคืนกลับสู่ธรรมชาติของบราซิล ประมาณ 60 ตัว
วันหนึ่งมีโทรศัพท์จากสุภาพสตรีท่านหนึ่งโทรมาหา Mischelle Muck ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกแก้ว เธอบอกว่าเธอมี นกแก้วพันธุ์ Blue Spix's Macaw ตัวหนึ่ง เธออยากทราบวิธีการเลี้ยง Muck ได้ติดต่อให้สุภาพสตรีท่านนั้นได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ขององค์การพิทักษ์นกแก้วแห่งโลก ( the World Parrot Trust )
ซึ่งหลังการเจรจากันอย่างลับ ๆหลายสัปดาห์ สุภาพสตรีท่านนั้นก็ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปดูนกตัวนั้นที่บ้าน ทันทีที่เห็นนกหัวใจของคุณ Muck ก็เต้นแรงด้วยความดีใจ เพราะมัน คือ นกแก้ว Blue Spix's Macaw ที่สูญพันธุ์ไปแล้วจากธรรมชาติของบราซิล

ชื่อของมันคือ " Presley " ถูกขังในกรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เจ้าของเล่าว่าเธอซื้อนกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ( เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเธอซื้อมาจากพวกลักลอบค้านกเถื่อน โดยตรง เพราะเธอบอกว่าไม่ได้ซื้อมาจากตลาดค้านกทั่วๆไป )
เนื่องจากรู้ว่านกแก้ว มาคอร์เป็นสัตว์สังคม เธอจึงเลี้ยงรวมกับนกแก้วขนาดใหญ่อีกตัวหนึ่งให้เป็นเพื่อนกันแต่นกแก้วตัวนั้นตายไปเสียแล้วตั้งแต่ปีก่อน ทำให้เจ้า Presley อยู่อย่างเหงาหงอยเพียงตัวเดียว ประมาณการว่ามันมีอายุอยู่ในราว 25 - 50 ปี
ปกตินกแก้วชนิดนี้จะมีชีวิตอยู่ในกรงเลี้ยงได้นานถึง 50 -60 ปี และสามารถผสมพันธุ์มีลูกได้ตลอดเรื่อยไปจนกว่าจะหมดอายุลง จากที่สังเกตการเลี้ยงของสุภาพสตรีท่านนั้นยังไม่ถูกวิธี คอนสำหรับให้นกเกาะกว้างเกินไปทำให้เท้าของมันไม่สามารถขยุ้มจับ ได้เต็มรอบกรงเล็บ
ทำให้มันต้องยืนบนพื้นที่ราบแบนมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้ เท้าไม่แข็งแรง การทรงตัวไม่ดีนัก มันถูกเลี้ยงด้วยอาหารนกสำเร็จรูปที่มีขายแพร่หลายในตลาด นอกจากนี้เจ้าของยังอาบน้ำให้มันอย่างผิดวิธีอีกด้วย หลังจากเจ้าของมอบนกตัวนี้ให้อยู่ในความดูแล ของ Mischelle Muck ซึ่งสัญญาว่าจะดูแลอย่างดี และดำเนินการเพื่อส่งมันกลับสู่บ้านเกิดโดยเร็ว
เนื่องจากไม่สามารถระบุเพศได้จากการดูจากลักษณะภายนอกตัวอย่างเลือดและขน จึงถูกส่งไปวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญที่ห้องทดลองของสวนสัตว์ซานดิเอโกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลวิเคราะห์ออกมาว่ามันเป็นนกตัวผู้ ตัวอย่าง DNA และ เซลได้ถูกเก็บเข้าธนาคารพันธุกรรม เพื่อวันหนึ่งที่นกชนิดนี้สูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอนในธรรมชาติ และเมื่อวิทยาการก้าวหน้าขึ้น ตัวอย่างเซลของมันจะถูกโคลนนิ่งสร้างชาติพันธุ์ขึ้นมาใหม่ในอนาคต
เมื่อนกถูกนำไปถึงรัฐโคโรราโด Muck และเจ้าหน้าของรัฐนำนกไปไว้ในที่ปลอดภัย อยู่ในกรงใหม่สูง 5 ฟุต ให้อาหารที่เหมาะสมและฝึกให้กินอาหารธรรมชาติ มันได้คอนเกาะที่เหมาะกับกรงเล็บเท้าของมันช่วยให้มันออกกำลังโดยการบินและเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อปีกและส่วนอื่นๆให้แข็งแรงขึ้น
เนื่องจากนกแก้วที่ถูกขังในกรงเลี้ยงมักมีพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่ยินดีต้อนรับนกแก้วชนิดเดียวกันในกรงเดียวกัน Muck จึงนำเสียงนกแก้วต่างชนิดมาเปิดให้มันฟัง ดูมันมีความสุขขึ้นที่รู้ว่ามีเพื่อน เมื่อเห็นว่ามันยอมรับการมีเพื่อนต่างชนิดแล้ว เธอจึงนำนกแก้วชนิดอื่นมาเลี้ยงรวมในกรงเดียวกันเพราะนกแก้วในธรรมชาตินั้นเป็นสัตว์สังคม
เจ้าหน้าจากสวนสัตว์เดนเวอร์เป็นคนจัดการอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไกล 20 ชั่วโมงไปประเทศบราซิลบ้านเกิดของมัน ในเช้าวันอาทิตย์ 22 ธันวาคม 2545 Presly ก็ได้ตั๋วเครื่องบิน เฉพาะของมันบินกลับบ้านเกิด โดย Muck นำนกแก้วไว้ในเสื้อคลุมตัวยาวและอุ้มผ่านด่านตรวจของสนามบินเดนเวอร์ไปขึ้นเครื่อง และวางมันไว้ตรงที่นั่งข้าง ๆ บนเครื่อง
เจ้า Presly ส่งเสียงร้องออกมา เสียงเด็กที่นั่งอยู่ข้างหลังถามแม่ของเธอว่าเสียงอะไร แม่ของเด็กคนนั้นตอบลูกว่าเสียงนกแก้วคล้ายกับตัวที่บ้านของคุณยายไงละ Muck ได้ยินดังนั้นเธอได้แต่นึกในใจว่า ขออย่าให้นกแก้วที่บ้านคุณยายเด็กคนนั้นเป็นชนิดที่หายากชนิดเดียวกันนี้เลย
ที่สนามบินไมอามี Muck และเจ้าหน้าที่ประสานงานได้กล่าวอำลาเจ้า Presly และส่งมอบมันให้แก่ ประธานองค์กรพิทักษ์สัตว์ป่าของบราซิลที่บินมารับด้วยตนเอง ในที่สุดเจ้า Presly นกแก้วมาคอร์ พันธุ์ Blue Spix's Macaw ที่ถูกพรากไปจากบ้านของมันนานกว่า 50 ปี ก็กลับสู่บ้านเกิดที่มันจากมานานแสนนาน ภารกิจของ Muck นานนับหลายเดือน สำเร็จสมความมุ่งหมายของเธอ
ขณะนี้ Presly ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายใต้โครงการ อนุรักษ์และฟื้นฟูนกแก้วกลับสู่ธรรมชาติ ในความรับผิดชอบของนักชีววิทยา Fenanda Vaz แห่งสวนสัตว์เซาเปาโล ประเทศบราซิล เขาแจ้งว่า Presly สุขภาพดีมาก กินเก่งและแข็งแรงดีมาก
เขากล่าวว่า อีกนานไม่ต่ำกว่า 15 ปี ต่อจากนี้ Presly โดยอาศัยเชื้อพันธุกรรม ของมันจะถูกโคลนนิ่งชาติพันธุ์ของมันขึ้นมาใหม่ บางที Presly Presly คือผู้จุดประกายความหวัง ให้รุ่งอรุณแห่งเผ่าพันธุ์ของมันได้ฉายแสงอุบัติขึ้นใหม่ในธรรมชาติบ้านเกิดเดิมของมัน ที่เงาปีกของพวกมันได้เคยโบกบินอยู่ทั่วไปตามแนวป่า............โชคดีนะ Presly
ภาพนกแก้วที่สายลมฯ เอามาให้ดูแล้วทั้งหมดนั้นไม่ใช่เจ้า Presly หรอกค่ะ แต่มันเป็นนกแก้วมาคอร์ที่สายลมฯ ไปถ่ายมาจากสวนนกฟาร์มจรเข้ สมุทรปราการ อย่างที่ได้บอกไว้แต่แรก ว่าแล้วเราก็มาทำความรู้จัก Spix's Macaw นกแก้วขนาดใหญ่มากของบราซิล ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติ หรือเจ้า Presly ตัวจริงกันดีกว่าค่ะ
Spix's Macaw / Cyanopsitta spixii
ชื่อเรียกอื่นๆ Little Blue Macaw
รูปร่างลักษณะ 
ความยาวจากปลายปากจดหาง 56 ซม. ( 22 นิ้ว ) นกทั้งสองเพศสีสันคล้ายกัน ขนคลุมลำตัวโดยรวมทั่วๆเป็นสีฟ้าและค่อยๆเข้มขึ้นจนเป็นสีฟ้าอมเทา หน้าผากและ ขนคลุมหูสีฟ้าอมเทา ส่วนอื่นของหัวและคอสีเทาอมฟ้า มีแต้มสีเขียวจาง ๆ ที่ขนบริเวณ อก และ ส่วนบนของท้อง หางสีเทาค่อนไปทางปลายหางสีเทาเข้มจนเกือบดำ
หนังเปลือยเปล่าโคนปากบนและล่างเชื่อมติดกันและแผ่ขยายไปจนถึงตาและรอบ ๆ ตาสีค่อนข้างดำ ปากสีเทาอมดำ ขาสีเทา ม่านตาสีเหลืองสด นกที่ยังไม่โตเต็มวัยมีขนคลุมลำตัวสีฟ้าเข้มกว่าตัวที่เต็มวัยแล้ว โดยเฉพาะที่ด้านล่างของลำตัวสีจะเข้มมากจนเกือบดำ ขนหางยังสั้นอยู่ หนังเปลือยเปล่าบริเวณโคนปากบนและล่างไปจนถึงรอบตาสีเทาจาง ๆ จนเกือบขาว ปากมีสีน้ำตาลอ่อน แต่มีแถบสีน้ำตาลเข้มจากโคนปากบนไปจนถึงกึ่งกลางสันจะงอยปากบน
สถานะภาพปัจจุบัน
เชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะยังพอมีเหลือจำนวนเล็กน้อยตาม แหล่งสะสมนกแก้วของเอกชนทั่วโลก ซึ่งล้วนเป็นนกแก้วที่ถูกลักลอบนำออกมาค้าในตลาดค้านกที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากนกแก้วชนิดนี้อยู่ในบัญชีห้ามค้าของ องค์กรควบคุมการค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายากและใกล้สูญพันธุ์ ( CITES )
อย่าง ที่เรียนให้ทราบนกแก้วมาคอร์ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ใดก็ตามล้วนมีถิ่นกำเนิดอยู่ ในประเทศบราซิลทั้งสิ้น การนำออกมาเพาะเลี้ยงไว้ทั่วโลกนั้น เกิดจากการลักลอบทั้งสิ้น ที่ใด ๆ มีแล้ว ดูแลอย่างดีก็ดีไปค่ะ
แต่ ถ้ายังไม่มีก็อย่าไปสรรหามาเลี้ยงเลยนะค่ะ ไม่ว่าจะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ เลี้ยงเพื่อความสวยงาม แก้เหงาก็ตามที เพราะถ้าไม่เลี้ยงก็จะไม่มีการล่า เพราะถ้าไม่ล่า จะไม่มีการฆ่าและทำลาย ..........
สัตว์ป่า ควรอยู่ในป่าค่ะ
ขอบคุณจากใจที่ไม่เลี้ยงสัตว์ป่า
สายลมที่ผ่านมา